หากจะพูดว่าอวัยวะส่วนสำคัญที่มีหน้าที่บัญชาการระบบต่าง ๆ ทั่วร่างกายของเรานั้น คงหนีไม่พ้นถึงการทำงานของสมองของเรานั่นเอง แต่ทว่าทุกวันนี้ก็ยังมีการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ด้านสมองของมนุษย์เกี่ยวกับระบบการทำงานที่ซับซ้อนในเรื่องต่าง ๆ ออกมามาย จนบางทีข้อมูลข่าวสารมันลวดเร็วจนห้ามกระแสของ “การเชื่อข้อมูลเข้าไปแล้ว” ไม่ได้ เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะมาสร้างภูมิคุ้มกันเกี่ยวกับความเข้าผิดจต่าง ๆ จากข้อมูลกระแสหลักในเรื่องสมองกันครับ
คนส่วนใหญ่ใช้งานสมองแค่ 10%
วิลเลียม เจมส์ นักจิตวิทยาประจำมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้กล่าวไว้เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 ว่ามนุษย์ใช้งานสมองได้เพียงแค่เสี้ยวหนึ่งเท่านั้น* และเมื่อเทคโนโลยีการฉายภาพสมอง (neuroimaging) มาถึง ก็ยิ่งตอกย้ำคำพูดดังกล่าวให้หนักแน่นขึ้นไปอีก เพราะหลักฐานได้ชี้ชัดว่า ไม่ว่าผู้เข้าร่วมการทดลองจะทำกิจกรรมใด ๆ เครื่องสแกนแสดงผลลัพธ์ให้เห็นว่า มีสมองเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ถูกกระตุ้นให้ทำงาน
จริง ๆแล้วคำถามสำคัญที่ต้องถามคือ เราจะวัดเปอร์เซ็นต์การทำงานของสมองได้อย่างไร ในเมื่อสมองแต่ละส่วนก็รับผิดชอบหน้าที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่าสมองส่วนอื่น ๆ ยังถูกกระตุ้นแบบอ่อนๆ ได้ด้วย ซึ่งเครื่องมือสแกนสมองในยุคก่อนยังไม่สามารถตรวจวัดได้ดีพอ
ในแง่ของการใช้พลังงาน สมองเป็นอวัยวะที่ใช้ออกซิเจนไปถึง 20% ของที่เราหายใจเข้าไป ทั้ง ๆ ที่มันมีน้ำหนักเพียง 2% ของน้ำหนักร่างกาย ถ้าเรากำลังใช้งานสมองเพียงแค่ 10% พลังงานที่เราจ่ายไปน่าจะน้อยกว่านี้
หลักฐานจากโรคทางสมองก็สำคัญ หากเราใช้สมองเพียง 10% จริง ความเสียหายทางสมองที่ก่อให้เกิดความผิดปกติก็ควรมีเพียงเสี้ยวเดียว แต่ปัจจุบันเราสามารถพบอาการของโรคได้แทบจะทุกบริเวณของสมองที่เสียหายไป ดังนั้นการทำงานของสมองจึงเป็นเรื่องของการเชื่อมต่อกันระหว่างส่วนต่าง ๆ ของสมองด้วย สรุปคือ คำกล่าวที่ว่าเราใช้สมองเพียง 10 % จึงเป็นความเข้าใจผิด
สติปัญญาแตกต่างกันตามเชื้อชาติ
ช่วงกลางของคริสต์ศตวรรษที่ 19 แนวคิดเรื่อง “สุพันธุศาสตร์” (eugenics) ได้รับความนิยมขึ้นอย่างมาก สุพันธุศาสตร์เป็นแนวคิดที่เชื่อว่าแต่ละเชื้อชาติมีความสามารถด้านความคิดสติปัญญาไม่เท่ากัน
ต้นธารของแนวคิดนี้มีมาตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคมต่อเนื่องมาจนถึงการค้าทาสที่ยกย่องให้เหล่าคนผิวขาวนั้นสูงส่งกว่ากลุ่มคนผิวสี และชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ ดังนั้นจึงชนชาติผิวขาวจะปกครองชนชาติเหล่านี้ แนวคิดนี้ได้สืบทอดมาจนถึงยุคที่ฮิตเลอร์เรืองอำนาจ และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ถูกนำมาใช้เพื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว
งานวิจัยในสมัยก่อนพบว่าคนผิวสีมีค่าไอคิวต่ำกว่าคนผิวขาว 15 จุด แต่นั่นเป็นเพราะพันธุกรรมจริงหรือไม่?
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ทราบดีว่า สติปัญญานั้นมีความเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมอยู่ แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลัก ปัจจัยที่ส่งผลมากกว่า ได้แก่ การเข้าถึงการศึกษาที่ดี โภชนาการ ฐานะ และสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ ถึงเวลาแล้วที่เราจะเลิกเชื่อมโยงชนชาติเข้ากับความสามารถทางสติปัญญา สิ่งที่ต้องถามกลับไปมากกว่าคือทำอย่างไรจึงจะทำให้ความเหลื่อมล้ำทางสังคมอันส่งผลมาถึงความเหลื่อมล้ำทางสติปัญญานั้นลดลง
องค์ความรู้เกี่ยวกับความเข้าใจของการทำงานสมอง ในข้อมูลกระแสหลักในบางทีนั้น ซึ่งก็ไม่อาจตรงต่อความเป็นจริงในหลาย ๆ เรื่องเลยทีเดียวที่เราได้ศึกษากันมา เพียงเท่านี้เราก็ได้เสริมความภูมิคุ้มกันทางความเชื่อจากข้อมูลข่าวสารกระแสหลัก ที่บางทีนั้นก็ไม่ตรงต่อความเป็นจริงเลย